ทำไมต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนการเล่นกีฬา ? การออกกำลังกายในยุคสมัยปัจจุบันจัดว่าเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเพราะมีไอดอลอย่างเช่น ดารานักร้องที่มีร่างกายที่สมส่วนสวยงามจึงเป็นค่านิยมการออกกำลังกายกันมากในขณะนี้แต่สิ่งสำคัญที่ผู้คนชอบละเลยในการออกกำลังกายนั่นคือการ “วอร์มอัพ-คูลดาวน์” หรือการอบอุ่นร่างกายนั่นเองการอบอุ่นร่างกายหรือที่เรียกกันติดปากว่า “วอร์มอัพ-คูลดาวน์” ถือเป็นขั้นตอนที่ครูพละเทรนเนอร์หรือผู้ฝึกสอนย้ำนักย้ำหนาว่า “ต้องทำ” ก่อนและหลังการฝึกซ้อมและในการแข่งขันแต่ทำไมต้องทำล่ะ? ไม่ทำได้มั้ย? หากไม่ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรืออย่างไร?

ทำไมต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนการเล่นกีฬา ?

วอร์มอัพ เป็นการป้องกันอุบัติเหตุก่อนการออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะก่อนการออกกำลังกายนั้น ร่างกายของคนเรายังอยู่ในภาวะที่ปกติอยู่ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการ “Warm-up” ซะก่อน ซึ่งวอร์มอัพนั้นก็คือ การอบอุ่นร่างกายในเบื้องต้น เพื่อให้ร่างกายมีภาวะที่พร้อมก่อนที่จะมีการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ เลยก็คือ การยืดเส้นยืดสาย การยืดกล้ามเนื้อ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา หัวไหล่ เอว ข้อเท้า เป็นต้น หรือมีการวิ่งแบบเหยาะๆ สัก 5-15 นาที

เพียงเท่านี้ทุกๆ คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ก็จะปลอดภัยจากอาการบาดเจ็บ ที่อาจที่เกิดขึ้นขณะ เล่นกีฬาหรือหลังจากเล่นกีฬาและที่สำคัญไม่ไปน้อยกว่ากันนั่นก็คือ”Cool-down” ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับการวอร์มอัพเพียงแต่เป็นการอบอุ่นร่างกายหลังจากที่เล่นกีฬาเสร็จแล้วนั่นเอง หากผู้ที่ออกกำลังกายทำทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กันไป ร่างกายก็จะปลอดภัย จากอาการบาดเจ็บดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นอย่างแน่นอน

อย่าลืมว่าก่อนการออกกำลังกายทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัพ (Warm up) การอบอุ่นร่างกาย เป็นการเตรียมส่วนต่างๆของร่างกายหรืออวัยวะที่เกี่ยวกับการเคลื่อน ไหวให้พร้อมที่จะทำงาน เพื่อป้องกันและลดอาการ บาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย โดยทั่วไปการอบอุ่นร่างกายจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  • การอบอุ่นร่างกาย เป็นการทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นหรือร้อนขึ้น
  • การยืดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เพื่อให้การเคลื่อนของข้อต่อเป็นไปอย่างสะดวก ไม่เกิดการฉีกขาด สำหรับประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อน การทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น การอบอุ่นร่างกายจึงไม่ค่อยสำคัญเท่ากับประเทศ ที่มีอากาศหนาวที่จะต้องใช้เวลาในการอบอุ่นนานพสมควร

หากต้องการจะทราบว่ากล้ามเนื้อของเรา ยืดได้ดีมากน้อยเพียงใดอาจทำได้ด้วยวิธี ง่ายๆ ดังขั้นตอนนี้

  1. ยืนตัวตรง ข้อเข่าเหยียดตรง
  2. แล้วค่อยๆก้มตัวลงมาทางด้านหน้า
  3. พยายามใช้ปลายมือแตะที่นิ้วเท้า
ทำไมต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนการเล่นกีฬา ?

ถ้าสามารถแตะได้แสดงว่ากล้ามเนื้อทางด้านหลังไม่ตึง แต่ถ้านิ้วมือยังห่างพื้นมากแสดงว่ากล้ามเนื้อทางด้านหลังยังตึงมาก ควรต้องยืดกล้ามเนื้อทางด้านหลังโดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของต้นขา สะโพก และเอวให้มากขึ้น

การยืดกล้ามเนื้อจะต้องยืดช้าๆ อย่ายืดรุนแรงหรือทำในจังหวะที่รวดเร็ว cool-down และหลังจากที่ได้ออกกำลังกายติดต่อกันเป็นเวลานาน อย่าลืมว่าเมื่อจะเลิกออกกำลังกาย ควรหาอะไรดูไปด้วยอย่างเช่น VIU แอพเอนเตอร์เทรนเม้นครบเครื่อง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ แอโรบิกนั้น ห้ามหยุดออกกำลังกายทันทีทันใด จะต้องค่อยๆผ่อนให้ร่างกายเย็นลงช้าๆ ให้มีระยะคลายอุ่นหรือ Cool-down เนื่องจากว่า

ขณะที่เราออกกำลังกายหนักๆซึ่งใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ หัวใจต้องส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ทำงานหนัก โดยบีบตัวให้แรงมากขึ้นและด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ในขณะที่กล้ามเนื้อได้รับเลือดมาก ก็จะหดตัวบีบเอาเลือดกลับไปยังหัวใจมากขึ้นเช่นกัน เป็นการรักษาวงจรการไหลเวียนของเลือดให้เป็นไปอย่างปกติ

หากเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ระบบวงจรนี้ก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ถ้าหากเราหยุดออกกำลังกายทันทีกล้ามเนื้อจะหยุดหดทันทีด้วย เป็นผลให้มีเลือดคั่ง ในส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจำนวนมาก หัวใจที่ยังเต้นเร็ว และแรงอยู่นั้นก็จะได้รับเลือดไม่พอเกิดการขาดเลือดอย่างทันทีด้วย ถ้าเป็นในวัยหนุ่มสาวผลที่เกิดจะมีผลน้อย

แต่สำหรับคนอายุมากถ้าเลือดมาเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพออาจไม่ดีนัก อาจเกิดอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นหลังการออกกำลังกายอย่างหนักแล้ว ห้ามหยุดยืนนิ่งหรือนั่งลงทันที ควรให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวไปอีกสักระยะหนึ่ง เช่น วิ่งช้าๆ หรือเดินต่อไปเพื่อให้กล้ามเนื้อได้หดตัว และหัวใจเต้นช้าลง เป็นการรักษาวงจรให้สมดุลต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ทำไมต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนการเล่นกีฬา ?
ทำไมต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนการเล่นกีฬา ?

หลังการออกกำลังกายเป็นการปรับสภาพร่างกายจากการออกกำลังกายมาเป็นสภาพปกติถ้าเราหยุดทันทีหัวใจที่เคยเต้น 130 – 140 ครั้งต่อนาทีจะกลับมาสู่สภาพปกติคือเต้น 70 ครั้งต่อนาทีในเวลาสั้นๆก็อาจเกิดอันตรายได้เพราะปอดและหัวใจปรับตัวไม่ทันเนื่องจากปริมาณเลือดของร่างกายส่วนใหญ่จะไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกายหากหยุดออกกำลังกายทันทีทันใดจะทำให้เลือดที่ไหลเวียนกลับสู่หัวใจน้อยลง

โดยเลือดจะคั่งค้างอยู่ที่หลอดเลือดภายในกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อของขา (Pooling Effect) ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่บีบออกจากหัวใจเพื่อส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกายลดลงโดยเฉพาะสมองจึงทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมได้เราจึงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5-10 นาทีในการปรับตัวคือค่อยๆ ลดชีพจรลงจนเป็นปกติการยืดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายก็เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายและช่วยลดอาการตึงหรือเกร็งของกล้ามเนื้อและจะเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย

การเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายนั้นทำให้ร่างกายของเรามีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ของเราขณะที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ก็อาจจะฉีกหรือวดได้ ดังนั้นการวอร์มอัพ และการคูลดาวน์จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำก่อนและหลังออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา เพื่อป้องกันตัวของเราเอง ไม่ให้มีอาการบาดเจ็บนั่นเอง